ก่อนจะไปดูว่า Odoo เข้ามาช่วยในธุรกิจอาหารและการผลิตอาหารได้อย่างไร เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า Odoo คืออะไร?
Odoo คืออะไร?
Odoo เป็นระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่ช่วยในการบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กร โดยการรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ที่ศูนย์กลาง ไม่ต้องทำงานหรือส่งข้อมูลข้ามระบบ การทำงานทุกอย่างจะถูกรวมไว้ในที่เดียว Odoo มีโมดูลที่ครอบคลุมทุกด้านของการจัดการธุรกิจ ตั้งแต่การขาย, จัดซื้อ, การผลิต, คลังสินค้า, บัญชีและการเงิน, ทรัพยากรมนุษย์, การตลาด และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกและปรับใช้โมดูลตามความต้องการให้เข้ากับธุรกิจของตนเองได้ (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ : Odoo คืออะไร)
เรามาดู 10 เหตุผล...
ทำไม Odoo ถึงเหมาะกับอุตสาหกรรมอาหาร
1. Tailored for Food Industry : เหมาะสมกับอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมอาหารเป็นธุรกิจที่มีความต้องการซับซ้อนในภาคของการผลิต การมีโซลูชันที่เชี่ยวชาญและตอบโจทย์การทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง Odoo ได้มีการพัฒนา Food Manufacturing ERP ขึ้นมาโดยเฉพาะ สำหรับผู้ผลิตอาหาร ทำให้สามารถจัดการงานได้ครบโดยไม่ต้องใช้โปรแกรมอื่นเข้ามาเสริม
2. Production Management : การจัดการการผลิต
การใช้งาน Food Manufacturing ERP ของ Odoo จะช่วยให้ผู้ผลิตได้รับข้อมูลที่สำคัญและติดตามการดำเนินการผลิตได้แบบเรียลไทม์ ด้วยฟีเจอร์ Manufacture Orders และ Repair Orders จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิต สร้างประสิทธิภาพในการทำงานและช่วยลดเวลา Downtime ลงได้
3. Quality Control : การควบคุมคุณภาพ
Odoo Food Manufacturing ERP ให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพเป็นอย่างมาก ระบบจะมีการแจ้งเตือน, จุดควบคุม และการตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถรักษามาตรฐานในกระบวนการผลิตได้
4. Traceability : ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ
ช่วยให้การปฏิบัติตาม FDA (Food and Drug Administration) เป็นเรื่องง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์การตรวจสอบย้อนกลับ Odoo สามารถติดตามสินค้าตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่ายจนมาถึงมือผู้บริโภค ช่วยให้ผู้ผลิตติดตามแต่ละส่วนประกอบของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์จากซัพพลายเออร์ ผ่านกระบวนการผลิต และไปจนถึงผู้บริโภคในขั้นสุดท้าย
5. Warehouse Management : การบริหารจัดการคลังสินค้า
Odoo มี Tools ที่เชี่ยวชาญในการจัดการคลังสินค้าโดยเฉพาะ ทำให้มั่นใจได้ว่าส่วนผสมต่าง ๆ จะถูกนำไปใช้อย่างเหมาะสม ลดการเน่าเสีย ลดขยะ มีฟีเจอร์กำหนดอายุการเก็บรักษา Shelf-Life และการจัดการสินค้าคงคลังแบบทันเวลาพอดี Just In Time (JIT) ทำให้สามารถจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. Document Generation : การสร้างเอกสาร
Odoo Food Manufacturing ERP ช่วยลดความยุ่งยากในการสร้างเอกสารและการจัดการเอกสารสำคัญ ตั้งแต่การสร้างฉลากบาร์โค้ดไปจนถึงฉลากข้อมูลโภชนาการ, ใบเสร็จรับเงิน และใบขนส่งสินค้า ช่วยให้กระบวนการสร้างเอกสารเป็นไปอย่างราบรื่นและง่ายขึ้น
7. MRP (Material Requirement Planning) : การวางแผนความต้องการวัตถุดิบ
โมดูล MRP ใน Odoo ช่วยให้ผู้ผลิตอาหารได้รับข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นในการติดตามวัตถุดิบ, BOM (Bill of Materials), จัดระเบียบ Work orders และการวางแผนดำเนินการผลิตให้กับผู้ผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. MPS (Master Production Schedule) : ตารางแผนการผลิตหลัก
ตารางแผนการผลิตหลักใน Odoo จะช่วยจัดการทรัพยากรต่าง ๆ, เครื่องจักร และอุปกรณ์ในการผลิตทั้งหมด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน, จัดการ Supply chain ให้สมดุล, ประเมินต้นทุน และป้องกันสินค้าขาดสต็อก
9. Dedicated Maintenance : การบำรุงรักษาเฉพาะทาง
Odoo Food Manufacturing ERP มีโมดูลการบำรุงรักษาเฉพาะทางที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการบำรุงรักษาเชิงป้องกันได้โดยอัตโนมัติ สามารถสร้างคำขอการบำรุงรักษา และกำหนดตารางการดำเนินการบำรุงรักษาสำหรับเครื่องจักร ทั้งในส่วนการผลิตและอุปกรณ์ของบริษัทได้
10. Forecasting and Reporting : การคาดการณ์และรายงาน
Odoo มี Tools สำหรับการทำรายงานแบบพิเศษ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้แบบแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ผลิตอาหารสามารถรับมือและจัดการกับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างรายงานการผลิต, รายงานใบสั่งงาน และรายงานประสิทธิภาพของเครื่องจักรโดยรวม ทำให้มีข้อมูลที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดสินใจให้ดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Odoo ยังมีฟีเจอร์อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการบริหารธุรกิจได้อย่างง่ายดาย สนใจรับชม demo ดูฟีเจอร์ของ Odoo ติดต่อเรามาได้เลย คลิก!
ที่มา : https://www.linkedin.com/pulse/revolutionize-your-food-manufacturing-business-gjepf/
10 เหตุผล ทำไม Odoo ERP ถึงเหมาะกับอุตสาหกรรมอาหาร